ขณะที่ดิดิเยร์ ดร็อกบาอายุ 5 ขวบ ได้ย้ายไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งอาศัยอยู่กับลุงเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยความใกล้ชิดกับกีฬาฟุตบอล จึงเกิดแรงบันดานใจทำให้ตัดสินใจเล่นฟุตบอล เมื่ออายุ 18 ได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับ สโมสรเลอ ม็องส์ โดยได้ลงเล่นทั้งหมด 62 นัด ทำประตูไปทั้งหมด 11 ประตู ซึ่งทำให้พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
การแข่งขันฤดูกาล 2002-2003ดิดิเยร์ ดร็อกบาได้ย้ายไปเล่นให้กับ สโมสรแก็งก็อง ซึ่งในการลงเล่นในครั้งนี้ได้ทำประตูถึง 20 ประตู ในการลงเล่น เพียง 45 นัด ถือว่าทำประตูได้เยอะมาก ทำให้ดร็อกบาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในทีมในปี 2003 ดร็อกบาได้ค้าแข้ง กับ สโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย โดยการมีค่าตัวถึง 3.3 ล้านปอนด์ ถือว่าเยอะมากในยุคนั้น ซึ่งไม่ทำให้ทีมผิดหวัง ดร็อกบาทำประตูให้ทีมถึง 18 ประตู ในการแข่งขันเพียงแค่ 35 นัด เท่านั้น
การแข่งขันฤดูกาล 2004ด้วยผลงานของดิดิเยร์ ดร็อกบาที่โดดเด่นอย่างมาก สโมสรใหญ่ สิงโตน้ำเงินคราม เกิดสนใจในตัวดร็อกบาขึ้นมา จึงได้ทำสัญญากับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ด้วยค่าตัวที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่สัญญามีระยะแค่ 1 ปีเท่านั้นเมื่อสัญญาได้หมดลง ดร็อกบาได้ย้ายออกจาก เชลซี และได้ตัดสินใจเดินทางไปค้าแข้งให้กับ สโมสรเซี้ยงไฮ้ เสิ่นหัว ประเทศจีน ซึ่งทำให้ชื่อของเขาหลุดหายออกจากวงการฟุตบอลระดับโลก เพราะสโมสรที่เขาอยู่เข้าร่วมการแข่งขันแต่รายการเล็กเท่านั้นเมื่อได้เล่นให้กับจีนได้ไม่นาน ดร็อกบาก็ได้เดินทางไปตุรกีเพื่อเข้าร่วมเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง โดยอยู่กับ สโมสรกาลาตาซาราย และได้ทำให้ทั้งทีมอึ้งกับความสามารถตัวของเขา เพราะสามารถทำประตูได้ในการลงเล่นนัดแรกให้กับ สโมสรกาลาตาซารายเมื่อเขาได้สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นที่ประเทศตุรกีทำให้ กุนซือ เชลซี ก็ได้ดึงตัวของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา มาต่อสัญญาอีก 1 ปี ทำให้เขากลับมาโด่งดังอีกครั้ง ทุกครั้งที่เขาลงเล่นกับทีมเชลซี จะเห็นได้ว่าเขาเล่นได้อย่างน่าทึ่งและทำประตูสำคัญให้เชลซีมาแล้วนับไม่ถ้วน จึงทำให้แฟนบอล เชลซี หลังรักดาวยิง กองหน้า คนนี้ดิดิเยร์ ดร็อกบา ร่วมเล่นกับทีมชาติ ไอวอรีโคสต์ ในปี 2002 ซึ่งนัดการแข่งขันนี้พบกับ แอฟริกาใต้ เขาได้ทำประตูแรกในปี 2003 วันที่ 11 กุภาพันธ์ ด้วยการทักษะการเล่นฟุตบอลของเขาถือว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว ด้วยมีรูปร่างที่ใหญ่ แต่เล่นตำแหน่งกองหน้า ทำให้รูปร่างของเขาได้เปรียบเมื่อปะทะกับผู้เล่นฝั่งตรงข้าม เพราะคนที่มีรูปร่างใหญ่ ส่วนมากแล้วจะเหมาะสำหรับผู้เล่นตำแหน่งกองหลัง เพื่อช่วยสกัดบอล เพราะการเคลื่อนไหว ไม่เหมือนกับคนที่มีรูปร่างเล็ก แต่ดร็อกบาได้ใช้รูปร่างของเขาให้เป็นประโยชน์แถมยังเคลื่อนไหวได้เร็วอย่างเหลือเชื่ออีกด้วย
การแข่งขันฤดูกาล 2005-2006ในฤดูกาลนี้ดร็อกบาได้สร้างผลงานไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ทำประตูให้เชลซีในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ถึง 12 ประตู รวมทั้งหมดแล้วคือ 16 ประตู ซึ่งช่วยให้ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม รักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ในปี 2006 ดร็อกบาได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องพฤติกรรมการเล่นบอลของเขา โดยข้อที่วิจารณ์กันอย่างหนักคือ เรื่องที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา พุ่งล้ม และใช้มือในการเล่นฟุตบอล แต่ในนัดการแข่งขันเจอกับ เวสต์แฮม ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริง ทำให้ผู้คนอึ้งกับผลงานที่ออกมา ในเกมนี้เชลซี โดนกดดันเพราะถูกผู้ต่อสู้ยิงนำไปก่อน แต่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา พาทีมพลิกเกมคว้าชัยชนะในครั้งนี้ไปได้ ด้วยสกอร์ 4-1
การแข่งขันฤดูกาล 2007-2008ในฤดูกาลนี้ดร็อกบาโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี ด้วยการครองตำแหน่งรองเท้าทองคำไปได้ ซึ่งทำประตูสูงถึง 20 ลูก ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกและยังทำสถิติการลงแข่งขันมากถึง 60 นัด ยังคว้าชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศ FA CUP ด้วยการเอาชนะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2007ในฤดูกาลนี้อาการบาดเจ็บของเขาที่หัวเข่าสร้างปัญหาในการเล่นฟุตบอลของเขาอย่า
การแข่งขันฤดูกาล 2008-2009ในฤดูกาลนี้ดร็อกบาปรับตัวครั้งใหญ่เพราะ ลูอิส เฟลีปี สโกลารี มาคุมแทน ทำให้เกมเชลซี ที่มีการรับที่หนาแน่นและสามารถโต้กลับอย่างรวดเร็ว เป็นเกมรุกแบบเต็มตัว ซึ่งอาจจะถือว่าเข้าทาง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็เป็นได้ ด้วยเป็นกองหน้าที่ถนัดเกมรุกอยู่แล้ว แต่เชลซีก็คาดหวังกับแผนที่ดีขึ้น แต่ด้วยกองหน้าดาวยิงอย่าง ดร็อกบา มีอาการที่เจ็บหนักจากการแข่งขันนัดที่ผ่านๆ มา ทำให้เล่นได้ไม่เต็มที่แม้จะทำประตูได้จากการแข่งขันที่พบกับ เบิร์นลีย์ แต่กลับเจอเรื่องน่าเศร้าเพราะโดนโทษห้ามลงแข่งขัน 3 นัด เพราะแสดงความดีใจในการทำประตูได้ไม่เหมาะสม แต่เมื่อ กุส ฮิดดิงค์ วางแผนการเล่นใหม่ทั้งหมด ทำให้เรียกฟอร์มตัวเองกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถที่จะพาทีมเอาชนะ บาร์เซโลน่า ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก
การแข่งขันฤดูกาล 2009-2010ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ดร็อกบาเปิดตัวด้วยการทำประตูคนเดียว 2 ประตู บ่งบอกว่ารักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างดีเยี่ยมและด้วยการวางแผนของ การ์โล อันเชลอตตี ที่ให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยืนคู่กับ อาแนลกา ทำให้การเล่นออกมาดีอย่างไม่หน้าเชื่อ ซึ่งดร็อกบาทำไปประตูไปได้ถึง 18 ประตู จากการแข่งขันเพียง 21 นัด และจบลงด้วยเกมทั้งหมด 37 ประตูดิดิเยร์ ดร็อกบา ยังสามารถทำประตูสำคัญให้เชลซีคว้าชัยชนะและรับแชมป์ถึง 2 รายการ ซึ่งดร็อกบาได้รับรางวัลรองเท้าทองคำอีกด้วย พร้อมรับการโหวตจากแฟนบอลให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมในฤดูกาลแข่งขันนี้ดิดิเยร์ ดร็อกบา สร้างผลงานมาจำนวนมากที่ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ กุนซือ หลายๆ ทีมจ้องดูเพื่อฟอร์มการเล่นของดร็อกบามาตลอด แต่ก็ทำให้ กุนซือ หลายๆ ทีม อึ้งกับการเล่นของเขาอย่างมาก ซึ่งมีการพัฒนาการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถสร้างประตูประทับใจให้กับทีม สโมสรเลอ ม็องส์ ถึง 18 ประตู ทำให้ กุนซือ เชลซี อย่าง มูรีนโย ได้วางแผนจะคว้าตัวเขาเข้ามาอยู่ในทีมและก็ประสบความสำเร็จ ทำให้เชลซี มีตัวรุก กองหน้า ที่สามารถทำประตูให้ทีมได้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา จึงเป็นที่รักของหมู่แฟนบอลจำนวนมาก
การแข่งขันฤดูกาล 2011-2012ในฤดูกาล 2011-2012 เชลซีได้ก้าวสู่การแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และได้เข้าสู่รอบชิง เชลซี ปะทะ บาเยิร์นมิวนิก ได้สร้างผลงานโดดเด่นอย่างมาก ถือเป็นฮีโร่ของทีมเลยก็ว่าได้เพราะทำประตูตีเสมอให้กับทีมก่อนหมดเวลา 120 นาที ทำให้ ทั้ง 2 ทีมเสมอและจบด้วยการดวลลูกโทษ ดร็อกบา ยิงเป็นคนสุดท้ายและคว้าชัยชนะให้เชลซีเป็นแชมป์รายการ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกตั้งแต่ เชลซี ได้ก่อตั้งมา ดร็อกบา ได้รับผลโหวตให้เป็น ยูฟ่าแมนออฟเดอะแมตช์ ของฤดูกาลนี้
การแข่งขันฤดูกาล 2014-2015หลังจบฤดูกาล ที่เล่นให้กับ เชลซี ได้ย้ายไปเล่นให้กับ สโมสรมอนทรีออล อิมแพ็ค ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการทำสัญญากัน 1 ปี
การแข่งขันฤดูกาล 2015-2016เมื่อจบฤดูกาล 2014-2015 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ทุ่มไปให้กับ สโมสรฟีนิกซ์ ไรซิ่ง ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาสร้างขึ้นเองและเกือบพาทีมที่สร้างขึ้นมาเองคว้าแชมป์ รายการ USL Cup ลีกสหรัฐอเมริกา แต่พ่ายให้กับ สโมสรหลุยส์วิลล์ ซิตี้ เพียงแต่ 1-0 เท่านั้น หลังจากจบฤดูกาล 2015-2016 ลง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ประกาศออกจากวงการฟุตบอลอาชีพและตัดสินใจแขวนสตั๊ด ขณะที่ตัวเขาอายุได้ 40 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น